กิ้งก่าเบี๊ยดดราก้อน ที่เมืองไทยเราสามารถเพาะพันธุ์ได้เองและมีหลากหลายสีสันให้เลือกเลี้ยง ที่สำคัญขนาดไม่ใหญ่มาก และค่อนข้างเชื่อง คุ้นเคยกับผู้เลี้ยงได้ง่าย วางตรงไหนก็ไม่วิ่งหนี
ถ้าพูดถึงสัตว์เลี้ยง เชื่อว่าร้อยละ 90 ต้องคิดถึงสุนัข และแมว แต่ทราบไหมว่า ยังมีสัตว์เลี้ยงอีกประเภทหนึ่งที่น่ารักไม่แพ้กัน และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ สัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Exotic Pets
Exotic Pets เป็นคำจำกัดความที่เราใช้เรียกสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทั่วไปอย่างสุนัขและแมว ยกตัวอย่างเช่น กิ้งก่าอิกัวนา, แรคคูน, งู, เต่า, ลิงมาโมเสท, ชูการ์ไกลเดอร์, เฟอเรท เป็นต้น ซึ่ง Exotic Pets ได้รับความนิยมมานานแล้วในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทยเองเพิ่งจะเป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คุณต๊ะ - ฐิติภูมิ พันธุเวทย์ หนึ่งในผู้ที่หลงรักในเสน่ห์ของสัตว์พิเศษ และเลี้ยงสัตว์เหล่านี้มากว่า 20 ปี เล่าว่า ตั้งแต่ผมจำความได้ที่บ้านก็เลี้ยงสัตว์ทั่วไป ทั้งสุนัขและแมว แต่ตัวผมเองเริ่มมาเลี้ยงสัตว์ Exotic Pets ก็ช่วงมัธยมฯ ตอนนั้นเริ่มจากเลี้ยงเต่าญี่ปุ่น ต่อมาก็สนใจพวกอิกัวนา ที่เป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ และกินผักเป็นอาหาร ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จากนั้นก็มาเลี้ยงงู และเริ่มศึกษาสัตว์เหล่านี้มาเรื่อยๆ จนปัจจุบันเลี้ยง Exotic Pets อยู่หลายประเภท จึงได้รับเชิญไปออกบูธในงานต่างๆ โดยเฉพาะในงาน Pet Expo Thailand และในปีนี้ผมได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลโซน Exotic Pets ในงาน Pet Expo Thailand 2020 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน ฮอลล์ EH 106 ไบเทค บางนา
Exotic Pets เป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีหลากหลายประเภท เช่น นกแก้วแปลกๆ ก็อยู่ในกลุ่มนี้, กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่างบุชเบบี้ ที่เป็นเหมือนลิงตัวเล็กๆ ก็กำลังได้รับความนิยม รวมถึงสุนัขจิ้งจอกทะเลทราย, งูขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ก็มีกลุ่มกิ้งก่า ที่เรียกว่า เบี๊ยดดราก้อน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเราถือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์ติดอันดับต้นๆ ของโลก คือคุณภาพของสัตว์ในบ้านเรานั้นมีสีสันที่สวยงาม เป็นที่ถูกตาต้องใจของตลาดต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถนำเข้าและส่งออกได้อย่างถูกกฎหมาย มีการเสียภาษีถูกต้องตามข้อบังคับของไซเตส คือกฎหมายของการซื้อขายสัตว์และพืชพรรณระหว่างประเทศ
สัตว์เลี้ยง Exotic Pets แต่ละตัวแต่ละชนิดมีความน่ารักแตกต่างกันออกไป เพราะเขาจะมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน การเลี้ยงดูหรือการดูแลก็ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น งูสวยงามที่เลี้ยงส่วนใหญ่จะเป็นงูที่ไม่มีพิษ ถ้าเป็นงูขนาดเล็กจะใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อยมาก ประหยัดพื้นที่ และที่สำคัญคืออาหาร งูจะกินอาหารสัปดาห์ละครั้ง ไม่ได้กินอาหารทุกวันเหมือนสุนัขและแมว ดังนั้นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถเลี้ยงได้ แค่มีถ้วยใส่น้ำวางไว้ให้เขาตลอดเวลา บางคนแพ้ขนสุนัข ขนแมว Exotic Pets ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง หรืออย่างบางคนอยู่คอนโด ไม่อยากให้มีเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน งู หรือเต่า ก็ดูแลง่ายและไม่รบกวนเพื่อนบ้านด้วย ตอนนี้มีสัตว์หลายชนิดที่กำลังได้รับความนิยม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคน เช่น
กิ้งก่าเบี๊ยดดราก้อน ที่เมืองไทยเราสามารถเพาะพันธุ์ได้เองและมีหลากหลายสีสันให้เลือกเลี้ยง ที่สำคัญขนาดไม่ใหญ่มาก และค่อนข้างเชื่อง คุ้นเคยกับผู้เลี้ยงได้ง่าย วางตรงไหนก็ไม่วิ่งหนี
บุชเบบี้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่เหมือนลิงขนาดเล็ก ตอนนี้คนก็เริ่มสนใจเลี้ยงกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีขนาดตัวที่เล็กแล้ว นิ้วของเขายังเหมือนนิ้วคน ไม่มีเล็บที่แหลมคม เวลาเกาะก็จะนิ่มๆ ไม่เจ็บ และยังมีขนที่นุ่มเหมือนกำมะหยี่อีกด้วย
เมียแคท สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกชนิดหนึ่งที่คนนิยม เพราะเขาจะติดคนเลี้ยงมาก คนเดินไปไหนเขาก็จะเดินตาม ที่สำคัญเมืองไทยเราสามารถเพาะพันธุ์ได้เอง
เต่า ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่คนนิยม เช่น เต่าบก ซูคาต้า หรืออัลกาต้า นิยมเลี้ยงเพราะเหมาะสมกับอากาศบ้านเรา เนื่องจากสายพันธุ์เขามาจากแอฟริกา
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนเริ่มเปิดใจ อยากรู้จักและอยากลองเลี้ยงสัตว์เหล่านี้กันบ้างแล้ว...แต่เดี๋ยวก่อนเรื่องนี้ คุณต๊ะ – ฐิติภูมิ ให้คำแนะนำมาว่า สำหรับคนที่เริ่มคิดเลี้ยง ให้เริ่มจากการศึกษาหาข้อมูลก่อน ซึ่งในเฟสบุ๊คตอนนี้ก็มีเพจของคนที่เลี้ยงสัตว์พิเศษเหล่านี้ ซึ่งสามารถศึกษาหาข้อมูลจากทางเพจได้เลย จะมีทั้งผู้รู้และผู้เพาะพันธุ์สัตว์พิเศษแต่ละชนิด มาแชร์ข้อมูลความรู้กัน อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจซื้อหามาเลี้ยง และเมื่อศึกษาข้อมูลแล้วก็ต้องดูความพร้อมของตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมเรื่องเวลา และเรื่องสถานที่เลี้ยง เพราะสัตว์แต่ละชนิดจะมีอายุสั้น - ยาวแตกต่างกัน อย่างตัวชูการ์ไกลเดอร์ หรือกระรอกบิน ในธรรมชาติเขาอาจจะมีอายุแค่ 5 - 6 ปี เพราะเขามีศัตรูตามธรรมชาติ แต่สัตว์ทุกตัวที่เพาะเลี้ยงจะอายุค่อนข้างยืน บางตัวอายุ 9 – 10 ปี เลยทีเดียว หรืออย่างกรณีของงู ที่ผมเลี้ยงอายุยืนถึง 25 ปี และมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งอันนี้เราก็ต้องมาศึกษาก่อน เพราะบางคนพื้นที่ไม่อำนวยในการเลี้ยงงูขนาดใหญ่ เราก็ต้องให้ความรู้ว่างูชนิดนี้มีอายุยืน ตัวโตเต็มที่ขนาด 4 - 6 เมตร แต่ถ้าเป็นงูขนาดเล็ก โตเต็มที่แค่ 1 เมตร ดังนั้นต้องดูสถานที่เลี้ยงและความพร้อมของตัวเองก่อนคิดจะเลี้ยงด้วย
สำหรับคนที่เริ่มอยากเลี้ยง แต่ไม่รู้จะไปหาแหล่งจำหน่ายที่ไหน หรือบางคนคิดจะนำสัตว์ป่าหรือสัตว์ผิดกฎหมายมาเลี้ยง ซึ่งเรื่องนี้ไม่แนะนำอย่างยิ่ง สัตว์ป่าเขาก็ควรอยู่ในป่าของเขา ดังนั้นแหล่งที่สามารถซื้อหาสัตว์ Exotic Pets แบบถูกกฎหมายและเป็นแหล่งใหญ่ของเมืองไทยก็คือตลาดนัดสวนจตุจักร มีหลายร้านที่มีการนำเข้าอย่างถูกต้อง มีแหล่งเพาะเลี้ยงถูกต้อง สัตว์บางตัวมีการฝังไมโครชิพ สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน